บัญชี Raw Spread กับ Zero บัญชีไหนดีกว่ากัน

การเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรด Forex โดยเฉพาะบัญชี Raw Spread และ Zero ที่เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ บทความนี้จะวิเคราะห์เปรียบเทียบทั้งสองบัญชีอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกบัญชีที่เหมาะกับรูปแบบการเทรดของคุณ

exness
exness

Table of Contents

ภาพรวมของบัญชี Raw Spread และ Zero

บัญชี Raw Spread คืออะไร

บัญชี Raw Spread เป็นบัญชีที่ออกแบบมาสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพที่ต้องการสเปรดต่ำแบบคงที่ และยอมรับค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้นได้ บัญชีประเภทนี้เหมาะกับผู้ที่มีกลยุทธ์การเทรดที่ต้องการความแม่นยำสูงในการส่งคำสั่ง โดยเฉพาะการทำ Scalping หรือ Day Trading

บัญชี Zero คืออะไร

บัญชี Zero เป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำเสนอสเปรดเริ่มต้นที่ 0 pip สำหรับคู่เงินหลัก พร้อมค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำมาก เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการต้นทุนการเทรดต่ำในระยะยาว และมักใช้กับระบบเทรดอัตโนมัติ (EA)

คุณสมบัติพื้นฐานโดยละเอียด

บัญชี Raw Spread

  • เงินฝากขั้นต่ำ: $1,000
  • สเปรด: เริ่มต้นที่ 0 pip (แบบคงที่)
  • ค่าคอมมิชชั่น: $3.5 ต่อล็อตต่อด้าน (รวม $7 ต่อรอบการเทรด)
  • เลเวอเรจสูงสุด: 1:ไม่จำกัด
  • การดำเนินการคำสั่งซื้อขาย: แบบ Market Execution
  • รองรับทั้ง MT4 และ MT5
  • Stop Out Level: 0%
  • Margin Call: 30%
  • ขนาดล็อตขั้นต่ำ: 0.01
  • ขนาดล็อตสูงสุด: 200 ล็อต

บัญชี Zero

  • เงินฝากขั้นต่ำ: $1,000
  • สเปรด: เริ่มต้นที่ 0 pip (สำหรับ 30 คู่เงินหลัก ใน 95% ของเวลาเทรด)
  • ค่าคอมมิชชั่น: $0.2 ต่อล็อตต่อด้าน (รวม $0.4 ต่อรอบการเทรด)
  • เลเวอเรจสูงสุด: 1:ไม่จำกัด
  • การดำเนินการคำสั่งซื้อขาย: แบบ Market Execution
  • รองรับทั้ง MT4 และ MT5
  • Stop Out Level: 0%
  • Margin Call: 30%
  • ขนาดล็อตขั้นต่ำ: 0.01
  • ขนาดล็อตสูงสุด: 200 ล็อต

การวิเคราะห์ข้อดีโดยละเอียด

Exness logo
Exness logo

ข้อดีบัญชี Raw Spread

  1. ความแม่นยำในการคำนวณต้นทุน
  • สเปรดคงที่ทำให้วางแผนการเทรดได้แม่นยำ
  • คำนวณจุดคุ้มทุนและเป้าหมายกำไรได้ชัดเจน
  • เหมาะกับการวางแผนการเทรดระยะยาว
  1. ประสิทธิภาพในช่วงข่าวสำคัญ
  • สเปรดไม่บานมากในช่วงประกาศข่าว
  • รักษาเสถียรภาพของราคาได้ดี
  • ลดความเสี่ยงจากการ Slippage
  1. ความเร็วในการส่งคำสั่ง
  • ไม่มี Requote แม้ในช่วงตลาดผันผวน
  • การดำเนินการคำสั่งรวดเร็ว
  • เหมาะกับการทำ Scalping
  1. ความเสถียรของระบบ
  • รองรับการเทรดปริมาณมาก
  • เสถียรในทุกสภาวะตลาด
  • ระบบไม่ล่มแม้ในช่วงข่าวสำคัญ
  1. ความเหมาะสมกับกลยุทธ์การเทรด
  • เหมาะกับการทำ Scalping และ Day Trading
  • รองรับการใช้งาน EA ได้ดี
  • เหมาะกับการเทรดที่ต้องการความแม่นยำสูง

ข้อดีบัญชี Zero

  1. ต้นทุนการเทรดต่ำ
  • ค่าคอมมิชชั่นต่ำมากเพียง $0.2 ต่อล็อตต่อด้าน
  • ประหยัดต้นทุนในการเทรดระยะยาว
  • เหมาะกับการเทรดปริมาณมาก
  1. ความยืดหยุ่นในการเทรด
  • เหมาะกับหลากหลายกลยุทธ์การเทรด
  • รองรับทั้งการเทรดด้วยตัวเองและ EA
  • ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเทรดได้ตามสถานการณ์
  1. ประสิทธิภาพกับ EA Trading
  • เหมาะกับการใช้ระบบอัตโนมัติ
  • รองรับการเทรดความถี่สูง
  • ต้นทุนต่ำช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ EA
  1. ความคุ้มค่าในระยะยาว
  • ต้นทุนรวมต่ำเมื่อเทรดปริมาณมาก
  • เหมาะกับการสะสมกำไรระยะยาว
  • คุ้มค่าสำหรับพอร์ตขนาดใหญ่
  1. ความเหมาะสมกับคู่เงินหลัก
  • สเปรด 0 pip ใน 30 คู่เงินยอดนิยม
  • เหมาะกับการเทรดคู่เงิน Major
  • ลดต้นทุนในการเทรดคู่เงินที่มีสภาพคล่องสูง

การวิเคราะห์ข้อเสียโดยละเอียด

ข้อเสียบัญชี Raw Spread

  1. ต้นทุนสูงสำหรับการเทรดขนาดเล็ก
  • ค่าคอมมิชชั่น $7 ต่อรอบอาจสูงเกินไปสำหรับล็อตเล็ก
  • อาจกระทบกำไรในการเทรดระยะสั้น
  • ไม่เหมาะกับการทดลองกลยุทธ์ใหม่
  1. ความซับซ้อนในการคำนวณต้นทุน
  • ต้องคำนวณทั้งสเปรดและค่าคอมมิชชั่น
  • อาจยากสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ต้องการความเข้าใจในการคำนวณต้นทุนรวม
  1. ข้อจำกัดด้านเงินทุน
  • ต้องการเงินลงทุนเริ่มต้นสูง
  • อาจเป็นอุปสรรคสำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่
  • ความเสี่ยงสูงเมื่อใช้เงินทุนมาก
  1. ความไม่เหมาะสมกับบางกลยุทธ์
  • ไม่เหมาะกับการเทรดระยะยาว
  • ต้นทุนสูงเกินไปสำหรับการทดลองระบบ
  • อาจไม่คุ้มค่ากับการเทรดความถี่ต่ำ

ข้อเสียบัญชี Zero

  1. ข้อจำกัดของสเปรด 0
  • มีเฉพาะบางคู่เงินและบางช่วงเวลา
  • อาจมีความผันผวนในช่วงข่าว
  • ไม่รับประกันสเปรด 0 ตลอดเวลา
  1. ความผันผวนของสเปรด
  • อาจบานในช่วงข่าวสำคัญ
  • ไม่สามารถคาดการณ์ต้นทุนได้แน่นอน
  • อาจกระทบการวางแผนการเทรด
  1. ข้อจำกัดด้านเงินทุน
  • ต้องการเงินฝากขั้นต่ำ $1,000
  • อาจสูงเกินไปสำหรับผู้เริ่มต้น
  • ความเสี่ยงในการบริหารเงินทุนสูง
  1. ความล่าช้าในบางสถานการณ์
  • อาจมี Slippage ในช่วงตลาดผันผวน
  • การส่งคำสั่งอาจช้าในบางช่วง
  • ประสิทธิภาพอาจลดลงในช่วงข่าวสำคัญ

การเปรียบเทียบต้นทุนการเทรดโดยละเอียด

Exness บัญชี Raw Spread
Exness บัญชี Raw Spread

การคำนวณต้นทุนต่อการเทรด

บัญชี Raw Spread:

  • การเทรด 0.1 ล็อต: $0.7 ต่อรอบ
  • การเทรด 1.0 ล็อต: $7 ต่อรอบ
  • การเทรด 10.0 ล็อต: $70 ต่อรอบ

บัญชี Zero:

  • การเทรด 0.1 ล็อต: $0.04 ต่อรอบ
  • การเทรด 1.0 ล็อต: $0.4 ต่อรอบ
  • การเทรด 10.0 ล็อต: $4 ต่อรอบ

การวิเคราะห์จุดคุ้มทุน

  1. การเทรดขนาดเล็ก (0.01-0.1 ล็อต)
  • Zero มีความคุ้มค่ามากกว่า
  • ต้นทุนต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
  • เหมาะกับการทดลองระบบ
  1. การเทรดขนาดกลาง (0.2-1.0 ล็อต)
  • Zero ยังคงมีความได้เปรียบด้านต้นทุน
  • เหมาะกับการเทรดประจำ
  • คุ้มค่าสำหรับการเทรดระยะยาว
  1. การเทรดขนาดใหญ่ (>1.0 ล็อต)
  • ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นประกอบ
  • Raw Spread อาจคุ้มค่ากว่าในแง่ความเสถียร
  • ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์การเทรด

การเลือกบัญชีตามรูปแบบการเทรด

เลือก Raw Spread เมื่อคุณ:

  1. เป็น Scalper มืออาชีพ
  • ต้องการความแม่นยำในการส่งคำสั่ง
  • เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวระยะสั้น
  • ต้องการความเสถียรสูงสุด
  1. เทรดในช่วงข่าวสำคัญ
  • ต้องการสเปรดที่คงที่
  • ลดความเสี่ยงจาก Slippage
  • ต้องการความแน่นอนในต้นทุน
  1. มีเงินทุนเพียงพอ
  • สามารถรับมือกับค่าคอมมิชชั่นที่สูง
  • เทรดขนาดใหญ่เป็นประจำ
  • มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี
  1. ใช้กลยุทธ์ที่ต้องการความแม่นยำสูง
  • มีระบบการเทรดที่ชัดเจน
  • ต้องการความแน่นอนในการคำนวณกำไร/ขาดทุน
  • เน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวเล็กๆ
  1. เทรดในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน
  • ต้องการความเสถียรในการส่งคำสั่ง
  • เน้นการทำกำไรในช่วงตลาดเคลื่อนไหวรุนแรง
  • ต้องการลดความเสี่ยงจากการ Requote

เลือก Zero เมื่อคุณ:

  1. ใช้ระบบ EA Trading
  • ต้องการต้นทุนต่ำสำหรับการเทรดความถี่สูง
  • มีระบบอัตโนมัติที่ทดสอบแล้ว
  • เน้นการทำกำไรจากปริมาณการเทรด
  1. เทรดปริมาณมากในระยะยาว
  • ต้องการประหยัดต้นทุนการเทรด
  • มีการเทรดสม่ำเสมอ
  • เน้นการสะสมกำไรในระยะยาว
  1. เน้นเทรดคู่เงินหลัก
  • ใช้ประโยชน์จากสเปรด 0 ในคู่เงินยอดนิยม
  • เทรดในช่วงเวลาตลาดหลัก
  • มีความเข้าใจในการเคลื่อนไหวของคู่เงินหลัก
  1. ต้องการความยืดหยุ่นในการเทรด
  • สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามสถานการณ์
  • เทรดได้หลากหลายรูปแบบ
  • ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความเร็วในการส่งคำสั่งมากนัก
  1. มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี
  • สามารถรับมือกับความผันผวนของสเปรด
  • มีแผนสำรองสำหรับช่วงข่าวสำคัญ
  • เข้าใจการทำงานของตลาด Forex

การเปรียบเทียบประสิทธิภาพในสถานการณ์ต่างๆ

Exness บัญชี Raw Spread กับ Zero
Exness บัญชี Raw Spread กับ Zero

ช่วงข่าวสำคัญ

Raw Spread

  • สเปรดคงที่แม้ในช่วงข่าว
  • การส่งคำสั่งเสถียร
  • ลดความเสี่ยงจาก Slippage
  • เหมาะกับการเทรดข่าว

Zero

  • สเปรดอาจบานในช่วงข่าว
  • อาจมี Slippage บ้าง
  • ต้องระมัดระวังในการเทรด
  • ควรหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงข่าวสำคัญ

ช่วงตลาดปกติ

Raw Spread

  • ต้นทุนคงที่และคาดการณ์ได้
  • เหมาะกับการทำ Scalping
  • การส่งคำสั่งรวดเร็ว
  • มีความเสถียรสูง

Zero

  • ต้นทุนต่ำกว่าโดยเฉลี่ย
  • เหมาะกับการเทรดทั่วไป
  • สเปรด 0 ในคู่เงินหลัก
  • คุ้มค่าสำหรับการเทรดปริมาณมาก

ช่วงตลาดเงียบ

Raw Spread

  • ต้นทุนอาจสูงเกินไปสำหรับการเคลื่อนไหวน้อย
  • ไม่คุ้มค่าสำหรับการเทรดความถี่ต่ำ
  • ยังคงมีความเสถียรสูง
  • เหมาะกับการรอจังหวะที่ดี

Zero

  • ต้นทุนต่ำเหมาะกับการทดลองระบบ
  • สามารถเทรดขนาดเล็กได้คุ้มค่า
  • เหมาะกับการเก็บข้อมูลตลาด
  • ยืดหยุ่นในการปรับกลยุทธ์

แนวทางการเลือกบัญชีตามประสบการณ์

เปรียบเทียบบัญชี Raw Spread กับ Zero
เปรียบเทียบบัญชี Raw Spread กับ Zero

สำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

  1. พิจารณารูปแบบการเทรดหลัก
  • Scalping: เลือก Raw Spread
  • Day Trading: พิจารณาทั้งสองแบบตามความถี่ในการเทรด
  • Swing Trading: เลือก Zero
  1. วิเคราะห์ต้นทุนระยะยาว
  • คำนวณต้นทุนต่อเดือน
  • เปรียบเทียบกับเป้าหมายกำไร
  • พิจารณาความคุ้มค่า
  1. ประเมินความต้องการด้านเทคนิค
  • ความเร็วในการส่งคำสั่ง
  • ความเสถียรของระบบ
  • ความต้องการพิเศษของ EA

สำหรับเทรดเดอร์ระดับกลาง

  1. เริ่มจากการทดลอง
  • ทดสอบทั้งสองบัญชีในช่วงแรก
  • เก็บข้อมูลประสิทธิภาพ
  • เปรียบเทียบผลลัพธ์
  1. พัฒนากลยุทธ์
  • ปรับแต่งระบบการเทรด
  • ทดสอบในสถานการณ์ต่างๆ
  • เลือกบัญชีที่เหมาะกับกลยุทธ์
  1. วางแผนระยะยาว
  • กำหนดเป้าหมายการเทรด
  • วางแผนการเติบโตของพอร์ต
  • เลือกบัญชีที่รองรับการขยายตัว

สรุปและคำแนะนำ

การเลือกระหว่างบัญชี Raw Spread และ Zero ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

ปัจจัยหลักในการตัดสินใจ

  1. รูปแบบการเทรด
  • ความถี่ในการเทรด
  • ขนาดการเทรดเฉลี่ย
  • ช่วงเวลาการเทรด
  1. ต้นทุนและผลตอบแทน
  • งบประมาณที่มี
  • เป้าหมายกำไร
  • ความสามารถในการรับความเสี่ยง
  1. ความต้องการด้านเทคนิค
  • การใช้ EA
  • ความต้องการด้านความเร็ว
  • ความเสถียรของระบบ

คำแนะนำสุดท้าย

  • Raw Spread เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแม่นยำและเสถียรภาพสูงสุด เน้นการทำ Scalping หรือเทรดในช่วงข่าว แม้จะมีต้นทุนที่สูงกว่า
  • Zero เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการต้นทุนต่ำในระยะยาว เน้นการเทรดคู่เงินหลัก และใช้ระบบ EA Trading โดยสามารถยอมรับความผันผวนของสเปรดในบางช่วงเวลาได้

ทั้งนี้ การตัดสินใจสุดท้ายควรขึ้นอยู่กับการทดสอบและประเมินผลในสถานการณ์จริง เพื่อให้แน่ใจว่าบัญชีที่เลือกจะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

Dojipedia removebg preview

Dojipedia เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลการลงทุนเกี่ยวกับตลาด Forex มีประสบการณ์การลงทุนในตลาด Forex มา 5 ปี ภายหลังจากที่ศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค และได้สนใจทั้ง Elliott Wave, ICT Trading, Smart Money Concept และวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ จนชำนาญ พบว่า ความรู้ที่ตัวเองศึกษาได้ผล จึงสร้างเว็บขึ้นมาเพื่อเผยแพร่ความรู้ เรามีแผนการเขียนหนังสือ การวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อแจกฟรี สามารถหาโหลดได้โดยไม่มีวัตถุประสงค์ทางการค้า

ความชำนาญ

  • การเลือกโบรกเกอร์ Forex
  • Inner Circle Trader
  • Smart Money Concept
  • Elliott Wave
  • Tradingview Technical Analysis

ผลงาน